วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ตะลุยอ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน กับพี่ๆ

ปาย
ในฤดูหนาวที่เยือนมาอีกรอบหนึ่งของเมืองไทย หลายๆคนจัดแจงวางแผนบุกป่าผ่าเขาเพื่อค้นหาความเยือกเย็นที่ปีหนึ่งจะมีสักครั้งที่แน่ๆ เกือบทั้งหมดนั้นเดินทางขึ้นเหนือ จะไปที่ไหนก็ตามแต่ ที่นี่หลายคนบอกว่าไม่ควรพลาด อ.ปาย ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ปาย เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยขุนเขา สูงตระหง่านเป็นรอยต่อชายแดนไทย-พม่า ฤดูหนาวอากาศเย็นจัด เมืองเล็กๆแห่งนี้มักปกคลุมด้วยสายหมอก ละอองน้ำจางๆยามเช้า บรรยากาศอันเงียบสงบ ทุ่งนาสีเขียว ท้องฟ้าสีคราม กับแสงแดดอุ่นๆ ที่ทอดผ่านม่านหมอกหนา แลเห็นต้นสนไม้ยืนต้นเมืองหนาวสูงใหญ่เป็นทิวแถวตามเชิงเขา วิถีชีวิตที่เรียบง่ายของผู้คน ด้วยความเป็นเอกลักษณ์นี้ “ปาย”ได้ดึงดูดนักเดินทางให้มาสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งนี้
อ้วก + หลับ = แม่ฮ่องสอน

เกาะขาม จ.ชลบุรี

เกาะขาม เป็นเกาะเล็ก ๆ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ห่างออกไปจากฝั่งประมาณ 9 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางด้วยเรือประมาณ 45 นาที และอยู่ทิศตะวันตกของเกาะแสมสารห่างจากท่าเรือแสมสาร 3 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางด้วยเรือประมาณ 15 นาที เกาะขามมีรูปร่างคล้ายตัว H มีพื้นที่ประมาณ 61 ไร่ อยู่ภายใต้การดูแลของกองเรือป้องกันฝั่ง

          ความสวยงามของท้องทะเลบริเวณเกาะขาม รวมถึงธรรมชาติบนเกาะ ทำให้นักเดินทางต่างแวะเวียนไปท่องเที่ยวเกาะขามอยู่เสมอ ๆ โดยชายหาดของเกาะขามมีสองหาดใหญ่ ๆ คือหาดด้านทิศเหนือและทิศใต้ ชายหาดด้านทิศเหนือเป็นทรายค่อนข้างละเอียด เหมาะสำหรับการว่ายน้ำและสันทนาการทางน้ำ ด้านทิศใต้เป็นหาดทรายหยาบมีหินกรวดและซากปะการังทับถมเต็มชายหาด

ที่มาของเกาะขาม...

          เมื่อปี 2536 กองทัพเรือได้มอบหมายให้ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการเป็นประธานคณะกรรมการ อำนวยการอนุรักษ์ และฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในทะเล พร้อมทั้งให้ผู้บัญชาการกองเรือป้องกันฝั่ง เป็นประธานคณะอนุกรรมการดำเนินงานโครงการอุทยานใต้ทะเลพื้นที่สัตหีบและบริเวณใกล้เคียง ซึ่งในเบื้องต้นได้กำหนดพื้นที่เกาะขามเป็นเป้าหมายแรก ในการจัดทำเป็นอุทยานใต้ทะเล เนื่องจากเกาะขามประกอบด้วยระบบนิเวศน์ที่เหมาะสม และลักษณะทางอุทกศาสตร์สมบูรณ์ในระดับที่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของปะการัง และเป็นพื้นที่ที่ไม่ห่างไกลจากฝั่งมากนัก มีความสะดวกในการเดินทาง

เกาะขาม

          ลึกลงไปในน้ำของเกาะขามจะพบ แนวปะการังอันอุดมสมบูรณ์กระจายตัวอยู่รอบ ๆ เกาะ บริเวณที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์ของปะการังอยู่ทางทิศใต้ ซึ่งแนวปะการังในบริเวณนี้จะเป็นปะการังเขากวาง ปะการังโต๊ะ และปะการังสมอง ในระดับความลึกของน้ำประมาณ 3 - 6 เมตร จึงเหมาะสำหรับการดำน้ำท่องเที่ยว ทั้งแบบผิวน้ำและแบบน้ำลึก นอกจากนี้ ยังพบปลาทะเลที่สวยงาม ได้แก่ ปลาผีเสื้อ ปลาสลิดหิน ปลาอมไข่ ปลากะรัง และ ปลารวมฝูง เช่น ปลาหางเหลือง อีกทั้งยังพบสัตว์ทะเลอื่นๆ ได้แก่ หอยมือเสือ หอยมือแมว ดอกไม้ทะเล กับปลาอินเดียแดง กุ้งและปูชนิดต่างๆ ดาวขนนก เม่นทะเล และปลิงทะเลที่มีความสวยงามโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ เฉพาะตัวของเกาะขาม

          จุดเด่นของอุทยานใต้ทะเลเกาะขาม นอกจากอุดมไปด้วยแนวปะการังน้ำตื้นแล้ว ยังเป็นสถานที่แห่งแรกของ ประเทศไทย ที่ได้มีการเคลื่อนย้ายปะการังที่กำลังจะเสื่อมโทรมจากมลภาวะบริเวณเกาะเตาหม้อมาลงไว้ที่เกาะขาม เพื่อพัฒนาและเสริมสร้างแนวปะการังในบริเวณที่เสื่อมโทรมและตายไปให้ดียิ่งขึ้น และปรากฏว่าปะการังส่วนใหญ่ยังคงดำรงชีวิตอยู่ได้และเจริญเติบโต เพื่อสร้างแนวปะการังที่เสื่อมโทรมให้ฟื้นคืนสู่สภาพที่สมบูรณ์เหมือนเดิม

          โดยพื้นที่ปะการังรอบเกาะขาม มีพื้นที่ปะการังทั้งสิ้น 83,000 ตารางเมตร โดยแยกเป็นประเภทปะการัง เขากวาง 50,000 ตารางเมตร ปะการังก้อน 30,000 ตารางเมตร ปะการังโต๊ะและอื่น ๆ 3,000 ตารางเมตร จากการสำรวจในเบื้องต้น มีปะการังที่ดีราว 20,000 ตารางเมตร และปะการังเสียหายประมาณ 60,000 ตารางเมตร โดยในส่วนที่เสียหายนี้ได้รับการพัฒนาและเสริมสร้างปะการังแล้วเป็นพื้นที่ 14,300 ตารางเมตร แต่อย่างไรก็ตาม ปะการังในส่วนที่ดีพื้นที่ 20,000 ตารางเมตร นั้นได้รับความเสียหายตายไปเป็นบางส่วน ทำให้เหลือปะการังที่ไม่ได้รับผลกระทบและยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์เต็มที่ประมาณ 4,000 ตารางเมตร

เกาะขาม

แนะนำการท่องเที่ยวเกาะขาม

          เป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ภายใน 1 วัน ไปเช้ากลับเย็น (09.00 – 16.00 น.) เนื่องจากไม่อนุญาตให้พักแรมค้างคืนที่เกาะ และจะหยุดให้บริการในวันอังคารและวันศุกร์

          กิจกรรมการท่องเที่ยวประกอบด้วย...

          • การชมปะการังด้วยการดำน้ำแบบผิวน้ำ

          • การชมปะการังด้วยเรือท้องกระจก

          • การเดินชมพืชพรรณไม้ และทัศนียภาพบนเกาะ

          • การพักผ่อนหรือตกปลาบนเกาะ

การเดินทาง

          การเดินทางจากฝั่งไปเกาะขามขึ้นเรือได้ที่ท่าเทียบเรือเขาหมาจอ ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี (ใกล้กับ อบต.แสมสาร และศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน )

          • เรือออกจากฝั่งเที่ยวแรกเวลาประมาณ 09.00 น.

          • เรือรับกลับจากเกาะขามเที่ยวแรก เวลาประมาณ 13.00 น.


 
เกาะขาม

เกาะขาม

ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์

ภูทับเบิก
ตั้งอยู่ที่ บ้านทับเบิก ต.วังตาล ห่างจากอ.หล่มเก่า 40 กม. และห่างจากตัวจังหวัดเพชรบูรณ์ประมาณ 97 กม. มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,768 เมตร และเป็นจุดที่สูงที่สุดของเพชรบูรณ์ ชาวเพชรบูรณ์เรียกว่า “ภูทับเบิก”
ภูทับเบิก มีสภาพภูมิประเทศที่สวยงามด้วยธรรมชาติแบบทะเลภูเขา ป่าไม้ ต้นไม้เมืองหนาวและน้ำตก มีอากาศบริสุทธิ์ สภาพภูมิอากาศเย็นสบายตลอดปี เนื่องจากร่องลมเย็นจากเทือกเขาหิมาลัยและอยู่บนที่สูง จึงสามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล โดยช่วงเข้าจะมองเห็นกลุ่มเมฆ และทะเลหมอกตัดกับยอดเทือกเขาเพชรบูรณ์
 
 



ปัจจุบันภูทับเบิกเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของชนกลุ่มน้อยเป็นชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง ซึ่งได้อพยพมาอาศัยอยู่ที่บ้านทับเบิก หมู่ที่ 14 และหมู่ที่ 16 ต.วังตาล อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ โดยอยู่ในความดูแลของศูนย์พัฒนาสงเคราะห์ชาวเขาจังหวัดเพชรบูรณ์ จึงทำให้ภูทับเบิกมีสีสันด้วยวิถีชาวไทยภูเขา ซึ่งประกอบด้วยอาชีพทำการเกษตรแบบขั้นบันไดตามเชิง
ก่อนตัดสินใจเดินทาง ขอให้เตรียมตัวให้พร้อม หากขับรถคนเดียวต้องจอดพักบ่อยๆ ตรวจสภาพรถก่อนเดินทาง แล้วอย่าลืมหยิบกระเป๋าตังค์ไปด้วยนะครับ
ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ ทุกๆคน

ภูชี้ฟ้า-ผาตั้ง จ.เชียงราย

ภูชี้ฟ้า-ผาตั้ง  ภูชี้ฟ้า เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นอีกแห่งหนึ่ง มีลักษณะเป็นยอดเขาที่แหลมชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า ยิ่งตอนที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นมาตรงระหว่างปลายยอดเขา จะดูเหมือน เสือคาบแก้วมาก มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,628 เมตร ส่วนของหน้าผาเป็นแนวยาวยื่นไปทางฝั่งประเทศลาว

 

 
ดอยผาตั้ง อยู่บนเทือกดอยผาหม่น เป็นจุดชมวิวสองฝั่งโขง ไทย-ลาว และทะเลหมอก บนดอยมีหมู่บ้านชาวจีนฮ่อ ม้ง และเย้า โดยเฉพาะ ชาวจีนฮ่อนั้น อดีตเคยเป็น ส่วนหนึ่งของกองพล 93 ซึ่งอพยพเข้ามา ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ดอยผาตั้งนี้ ปัจจุบันประกอบอาชีพทางการเกษตร ปลูกพืชเมืองหนาว เช่น บ๊วย ท้อ สาลี่ แอปเปิ้ล

 

อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จ.เชียงราย

อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ชื่อนี้มักจะเป็นติดอันดับต้นๆ ของการท่องเที่ยว เดิมชื่อว่า ดอยหลวง หรือ ดอยอ่างกา ดอยหลวง หมายถึงภูเขาที่มีขนาดใหญ่ ส่วนที่เรียกว่า ดอยอ่างกานั้น เพราะมีหนองน้ำอยู่แห่งหนึ่งลักษณะเหมือน อ่างน้ำ มีฝูงกาไปเล่นน้ำกันมากมาย จึงเรียกว่า อ่างกา หรือ ดอยอ่างกา
ดอยอินทนนท์ เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย (2,599 เมตร) จึงทำให้มีสภาพอากาศหนาวเย็นตลอดปี สถานที่น่าสนใจในอุทยานฯ มี น้ำตกแม่ยะ น้ำตกแม่กลาง น้ำตกวชิรธาร น้ำตกสิริภูมิ ถ้ำบริจินดา โครงการหลวงอินทนนท์ และ เส้นทางศึกษาธรรมชาติหลายจุด
 
 



 

 
น้ำตกแม่ยะน้ำสีโคลน

วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

อุทยานแห่งชาติภูเรือ จังหวัดเลย


อุทยานแห่งชาติภูเรือ เป็นภูเขาสูงใหญ่ บนยอดเขาเป็นที่ราบกว้างใหญ่ มีต้นสนขึ้นสลับซับซ้อน มีลักษณะแปลกคือ มีส่วนหนึ่งเป็นผา ชะโงกยื่นออกมาเหมือน หัวเรือสำเภาใหญ่ อุทยานแห่งชาติภูเรือ จุดที่น่าสนใจบนอุทยานได้แก่ ผาโหล่นน้อย ภูผาสาด และทะเลภูเขา ผาซับทอง หรือ ผากุหลาบขาว เป็นหน้าผาสูงชัน และแหล่งน้ำซับที่มีพืชน้ำไลเคนสีเหลืองคล้ายสีทอง ขึ้นเต็มไปทั่ว น้ำตกห้วยไผ่ เป็นน้ำตกที่ไหลจากหน้าผาสูงชัน ยอดภูเรือ เป็นจุดสูงสุดในอุทยานฯ สามารถมองเห็น แม่น้ำเหืองและแม่น้ำโขงที่กั้นพรมแดนระหว่างไทย-ลาว






วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

อินเลิฟ ไปกับอ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน

“Pai” Again จากเวียงใต้ สู่ดอยกิ่วลม

เมื่อปีที่แล้ว "กอดปายกับฝน" ต้นปีนี้ขอกลับไป "กอดปายหน้าหนาว" กันอีกครั้ง เพราะมีคนบอกว่า ป่านนี้ทุ่งดอกบัวตองที่ดอยแม่อูคอโรยราหมดแล้ว แต่มีทุ่งดอกปอเทืองสีเหลืองอร่ามให้ดูแทน แม้จะไม่เยอะเท่าดอยแม่อูคอ แต่ก็ยิ้มแก้มปริได้เหมือนกัน สนใจหรือเปล่า หากสนใจก็เก็บกระเป๋า แล้วออกเดินทางกันเลย
ต.เวียงใต้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน
ลงจากรถตู้สายเชียงใหม่-ปาย ด้วยอาการมึนเหมือนไมเกรนขึ้น มาถึงขนส่งปายก็บ่ายโมง มีสารถีรุ่นพี่แสนดี มารับถึงที่ขนส่ง พวกเขาบอกกับฉันว่า มาปายครั้งนี้จะแตกต่างออกไป ใครบอกว่า ปายช้ำแล้ว สำหรับคนที่อยู่ที่ปาย ยอมรับว่า นักท่องเที่ยวเยอะ การเปลี่ยนแปลงหลายอย่างจึงรวดเร็ว แต่ก็มีอีกย่านหนึ่งที่ยังคงหลงเหลือ บรรยากาศของห้วงวันเวลาเก่าๆ อยู่บ้าง นั่นก็คือ "ย่านเวียงใต้" ซึ่งเป็นเขตรอบนอกของ อ.ปาย ที่ที่ทำให้ฉันยิ้มจนแก้มปริ กับบรรยากาศสงบๆ พร้อมทุ่งโล่งกว้าง และภูเขาสูงที่สลับกันหลายลูก เพียงแค่เปิดประตูหน้าบ้านออกมาก็เห็นทุกอย่างเต็มตา และเพิ่งรู้ว่า ย่านนี้ก็มีร้านขายของแฮนด์เมดน่ารัก อย่าง ฮ.นกฮูก ปาย ซ่อนตัวอยู่ ร้านกาแฟโพธิ์ร่มรื่น และมีเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กๆ อยู่ในเนอสเซอรี่เด็กที่ติดกับร้าน ฮ.นกฮูก ปาย ได้อย่างอดยิ้มไม่ได้
อากาศคืนนี้เย็นราวๆ 16 องศาฯ เราก่อกองไฟ กินเมี่ยงปลาทูที่ทำขึ้นมาเองอย่างเพลิดเพลิน และปฏิเสธการเข้าไปเดินในเมือง แต่ขอนอนดูพระจันทร์ ชมดาวอยู่หน้าบ้านแห่งนี้ และหยิบสัปปะรดสดแช่เกลือเย็นๆ เข้าปาก สำหรับฉันแบบนี้ดีที่สุด โปรแกรมแบบนี้ต้องลองทำกันดู แล้วจะรู้ว่า ความสุขที่ขึ้นมาตั้งไกลมันเป็นแบบไหน เช้าวันรุ่งขึ้น อากาศลดลงไปอยู่ที่ 14 องศาฯ เปิดประตูบานเฟี้ยมไม้ออกมาก็พบกับหมอกหนาอยู่รอบตัว ปลุกคนข้างกายขึ้นมา เพื่อขึ้นไปชมทะเลหมอกบน "วัดพระธาตุแม่เย็น" พร้อมไหว้พระขอพรเพื่อเป็นสิริมงคล แล้วกลับลงมากินโจ๊กหมู โจ๊กผัก ใกล้ๆ ขนส่งปายสักถ้วย เตรียมท้องแล้วเดินทางต่อ เพิ่มดีกรีความอึดให้กับร่างกายด้วยเอสเพรสโซ่เย็นไม่หวานเหมือนเดิมที่ "ร้านเข้าท่า" ร้านกาแฟแนวเรโทร ที่แอบเล็งไว้ตั้งแต่มาถึงเมืองปายคราวที่แล้ว
ไร่สตรอเบอรี่ แม่น้ำปาย ทุ่งดอกปอเทือง และดอยกิ่วลม
มาปายใครว่า ไม่มีไร่สตรอเบอรี่ ต้องแวะไปที่บ้านกุงแกง ทุ่งโป่ง จะเจอ "ไร่สตรอเบอรี่สีเขียว 2010" เป็นไร่สตรอเบอรี่ขนาดเล็ก ตรงข้าม "แม่น้ำปาย" ที่ยามนี้ตื้นเขินผิดจากหน้าฝนอย่างสิ้นเชิง ที่ไร่มีร้านขายน้ำสตรอเบอรี่เป็นขวด วอดก้า กลิ่นสตรอเบอรี่ สตรอเบอรี่สดลูกเล็ก และลูกใหญ่ สตรอเบอรี่กวน และสตรอเบอรี่พริกเกลือในแก้ว คนที่นี่ใจดี ให้ชิมสตรอเบอรี่แทบจะเท่ากับซื้อกลับบ้าน จากร้านค้ามองไปฝั่งตรงข้าม เห็นสะพานไม้ไผ่สานยาวลงไปจนเกือบถึงแม่น้ำปาย ด้านข้างเป็นนาข้าวที่เก็บเกี่ยวแล้ว อีกฝั่งของแม่น้ำ เห็นชาวไร่กำลังง่วนอยู่กับแปลงต้นหอม เบื้องหลังคือภูเขาลูกใหญ่สีเขียว สวยมาก แต่ไฮไลท์ที่รุ่นพี่จะพาไปอยู่ที่ระหว่างทางไปโป่งน้ำร้อนท่าปาย นั่นก็คือ "ทุ่งดอกปอเทือง" สีเหลืองอร่าม งามชูช่ออวดโฉมอยู่ท่ามกลางทุ่ง (นาที่เก็บเกี่ยวแล้ว) เจ้าของทุ่งนี้เล่าให้ฟังว่า ที่ปลูกดอกปอเทือง เพราะว่าเป็นการปรับหน้าดินก่อนที่จะทำนาอีกครั้งในช่วงประมาณเดือนเมษายนนั่นเอง ไหนๆ ก็ไม่ทันดูทุ่งดอกบัวตอง มาชมทุ่งดอกปอเทืองแทนก็ชื่นใจไม่แพ้กัน
ดอกปอเทืองสีเหลือง ตัดกับ แปลงต้นกุยช่ายสีเขียว ที่อยู่ข้างๆ สดชื่นมาก ช่วงเช้าๆ หมอกลงจับเป็นน้ำค้างบนดอกปอเทือง หากมาช่วงเที่ยงๆ แดดแรง ดอกปอเทืองจะชูช่อรับตะวัน และแล้วเราก็เดินทางกันต่อ มุ่งหน้า "ดอยกิ่วลม ปาย-ปางมะผ้า" ผ่านโค้งแล้วโค้งเล่า สองข้างทางยังมีดอกบัวตองให้เห็นเป็นระยะๆ แต่เป็นขนาดย่อมๆ และกำลังเหี่ยวเฉา ไม่นาน ดอยกิ่วลม ปาย-ปางมะผ้า ก็อยู่เบื้องหน้า แบ่งเป็นสองฝั่งซ้าย-ขวา ฝั่งซ้ายเป็นจุดที่มองลงไปจะเจอกับเส้นทางคดเคี้ยวที่หากจะมุ่งหน้าไปถ้ำลอด ถ้ำปลา ปางอุ๋ง หรือตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ก็ต้องผ่านทางที่เราเห็นจากด้านบน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ (แอบลุ้น และตื่นเต้นทุกครั้ง ที่ผ่านโค้งชันและโค้งหักศอก)
ที่นี่ลมหนาวพัดแรงมาก สังเกตดีๆ เวลาพูดจะมีควันจางๆ ลอยออกจากปาก อุณหภูมิตอนนั้นอยู่ประมาณ 16 องศาฯ และเมื่อเดินข้ามถนนไปสู่ฝั่งขวาที่มีตลาดขนาดย่อมๆ วิวหุบเขาสวยๆ ก็ทำให้ชื่นใจ พร้อมเสียงของเด็กชาวม้ง แต่งตัวเต็มยศ แล้วเดินมาบอกว่า "ถ่ายรูปไหม 20 บาท" ทุกคน
หากมีเวลาสามารถไปที่อื่นต่อได้อีกอย่าง "จุดชมวิวปางมะผ้า" อีกประมาณไม่เกิน 20 กิโลเมตร เพื่อพักเหนื่อย หรือจะไป "ถ้ำลอด" นั่งแพไม้ไผ่เข้าถ้ำ ให้อาหารปลาพวงตัวโต ชมหินงอกหินย้อย และโลงผีแมน (ผีเปรต)
ตลอดสองข้างทางมีแต่หุบเขา แปลงเกษตร เส้นทางขึ้นและลงเขาที่คดเคี้ยว ทางที่ดีต้องปิดแอร์ในรถ เปิดกระจก รับอากาศหนาวๆ และกินมันเผาร้อนๆ หรือไข่ปิ้งอุ่นๆ สุขอุราพาเพลินไปตลอดทางเสียจริง

Quote
"อย่าลืมแวะไปรับประกาศนียบัตรผู้พิชิต 1,864 โค้ง ที่หอการค้าจังหวัดแม่ฮ่องสอน ใบละ 20 บาท เพื่อเป็นที่ระลึกการเดินทางด้วยนะ"



ท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยว “Pai” Again จากเวียงใต้ สู่ดอ…

เกาะสีชัง...จังหวัดชลบุรี

เกาะสีชัง...สวยน่าไปทุกฤดูกาล

"สีชัง ชังแต่ชื่อ เกาะนั้นหรือจะชังใคร..." ฉันได้ยินเพลงนี่ดังมาจากวิทยุคลื่นหนึ่ง ทำให้คิดขึ้นได้ว่าคู่หูเดินทางฉบับนี้เราน่าจะพาไปเยือนยังเกาะสีชัง ยามเมื่อปลายฝนต้นหนาว เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่า สีชังนั้นเขาชังแต่ชื่อจริงดังบทเพลงหรือไม่?
การเดินทางนั้นไม่ยากเลย นั่งรถเพียงแค่ชั่วโมงเศษๆก็ถึงอำเภอศรีราชาแล้ว ลงรถที่หน้าตึกคอม ต่อรถสามล้อ(ตุ๊กตุ๊ก) หรือรถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ไปยังท่าเรือเกาะลอย เพื่อขึ้นเรือต่อไปยังเกาะสีชัง ค่าโดยสารเรือเพียงคนละ 45 บาท ขาไปเริ่มเวลา 8.00-20.00 น. ขากลับเริ่ม 6.00-18.00 น.เรือจะออกทุกๆ 1 ชั่วโมง ใช้เวลาประมาณ 40-45 นาทีก็ถึงแล้ว ทันทีที่ย่างเท้าก้าวขึ้นท่าเรือ ชุมชนเกาะสีชัง ก็สามารถสัมผัสได้ถึงอากาศที่บริสุทธิ์ บรรยากาศการท่องเที่ยวแบบท้องถิ่น มิตรภาพ รอยยิ้มและน้ำใจที่มีให้พบเห็นกันโดยทั่วไปบนเกาะแห่งนี้  เกาะสีชัง เป็นเกาะใหญ่ที่มีฐานะเป็นอำเภอหนึ่งของชลบุรี อยู่ห่างจากฝั่งศรีราชาประมาณ 12 กิโลเมตร เป็นที่จอดพักเรือสินค้านานาชาติ ถือได้ว่าเป็นเกาะที่น่าท่องเที่ยวแห่งหนึ่งมีท่าจอดเรือ 2 จุด คือ ท่าบน และ สะพานท่าเทววงษ์ (ท่าล่าง) สามารถเดินทางแบบไปเช้า-เย็นกลับหรือจะพักค้างคืนก็ได้เพราะที่นี่เค้าก็มีทีพัก รีสอร์ทไว้คอยให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยว

ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่
ตั้งอยู่บนเขาห่างจากท่าเรือเทววงศ์ไปทางด้านเหนือของเกาะ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเกาะสีชังให้ความเคารพนับถือ ลักษณะเป็นถ้ำซึ่งดัดแปลงเป็นศาสนสถาน ที่ผสมผสานด้วยสถาปัตยกรรมจีนและไทย สามารถเดินต่อไปยัง มณฑปรอยพระพุทธบาท อยู่สูงขึ้นไปบนยอดเขาเดียวกับศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ เดินบันไดต่อขึ้นไปอีกประมาณ 345 ขั้นรัชกาลที่ 5 ทรงอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ บนยอดเขาเป็นจุดชมทิวทัศน์ทะเลได้โดยรอบ

ช่องเขาขาด
ตั้งอยู่ด้านหลังของเกาะ หากนั่งเรือผ่านจะเห็นเป็นช่องเขา ในบริเวณจะมีสะพานวชิราวุธสำหรับเดินชมทิวทัศน์ สามารถชมพระอาทิตย์ตกได้สวยงาม มีหาดหินกลม ซึ่งเต็มไปด้วยหินกลมๆ ขนาดต่างๆ มากมาย ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งพลับพลาที่ประทับชมทิวทัศน์ของรัชกาลที่ 5
หลักศิลาจารึก
ตั้งอยู่ที่ข้างสนามโรงเรียนเกาะสีชัง จารึกเล่าถึงพระราชปรารภของรัชกาลที่ 5 เกี่ยวกับบรรยากาศที่ดีบนเกาะสีชัง

พิพิธภัณฑ์ชลทัศนสถาน
ตั้งอยู่ภายในบริเวณพระราชวังจุฑาธุราชฐาน เป็นสถานที่จัดแสดงสัตว์น้ำทางทะเลอยู่ในความดูแลของสถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นแหล่งที่ให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล เปิดให้ชมฟรี วันอังคาร ถึงวันอาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์ เวลา 9.00 - 17.00 น.
พระจุฑาธุชราชฐาน
ห่างจากท่าเทววงศ์ลงมาทางใต้ของเกาะ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นที่ประทับในฤดูร้อน ภายในบริเวณมีสภาพภูมิทัศน์ที่งดงาม ด้านหน้าเป็นชายหาดท่าวัง เดินเข้ามาก็จะพบศูนย์บริการข้อมูล ซึ่งมีมัคคุเทศก์ท้องถิ่นเป็นเด็กนักเรียนที่หารายได้พิเศษเพื่อเป็นทุนการศึกษา เด็กทุกคนได้ผ่านการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี สามารถอธิบายและพาเดินชมได้อย่างทั่วถึง ค่าบริการแล้วแต่จะให้เพราะถือว่าเป็นการสนับสนุนการศึกษาแก่อนาคตของชาติเรานั่นเอง เดินขึ้นไปทางขวามือก็จะพบพระบรมรูป รัชกาลที่ 5 ขอเชิญสักการะเพื่อเป็นสิริมงคล ถัดขึ้นไปเป็นระฆังหิน เพียงคุณใช้หินก้อนเล็กๆ เคาะที่ระฆังหินเบาๆ คุณก็ได้ยินเสียงกังวานดั่งเคาะระฆังจริงๆ เค้าว่าให้อธิฐานระหว่างเคาะเรื่องที่ขอไว้ก็จะได้สมใจหมาย เดินต่อขึ้นมาอีกนิดก็จะพบกับวัดอัษฎางค์นิมิตร เป็นพระอุโบสถที่อยู่ในเขตพระราชวัง มีลักษณะแตกต่างจากที่อื่นคือ มีพระอุโบสถ อยู่ใต้เจดีย์ทรงกลมแบบลังกา ตัวพระอุโบสถสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมแบบโกธิค บริเวณพระเจดีย์อุโบสถยังมีต้นศรีมหาโพธิ์ ซึ่งนำหน่อมาจากพุทธคยาประเทศอินเดียปลูกไว้ เดินลงมาเรื่อยๆ ก็จะพบกับเรือนผ่องศรีหรือศาลาแปดเหลี่ยม เรือนอภิรมย์ เรือนวัฒนา พระตำหนักทรงปั้นหยา เรือนไม้ลวดลายขนมปังขิง และเรือนไม้ริมทะเล ในส่วนพระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์ ทำด้วยไม้สักทั้งหลัง ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างในสมัยนั้น เหลือให้เห็นเพียงฐานราองค์พระที่นั่งเท่านั้น เพราะได้ถูกรื้อย้ายไปปลูกที่พระราชวังดุสิต แล้วพระราชทานนามให้ใหม่ว่า พระที่นั่งวิมานเมฆ ที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีสถานที่ก่อสร้างที่น่าสนใจอื่น ๆ อีก ได้แก่ บ่อน้ำ ผา ธารน้ำ สระน้ำ พระที่นั่ง น้ำพุ พระตำหนัก บันได ทางสัญจร ประภาคาร แล สถานที่ก่อสร้างอีกแห่งหนึ่งที่สวยงามดึงดูดใจผู้มาเยือนและผู้พบเห็นก็คือ สะพานอัษฎางค์ เป็นสะพานท่าเทียบเรือขนาดใหญ่สร้างด้วยไม้สักทาสี เสาก่อด้วยหินโบกปูนซีเมนต์ มีศาลาพักทรงไทย 3 แห่ง คือ ต้น กลาง และปลายสะพาน หน้าบันจำหลักโดยช่างชาวจีนฝีมือประณีตและงดงาม
Tips
รถบริการสำหรับนักท่องเที่ยวเพื่อชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
• รถสามล้อเครื่องหรือที่นี่เขาเรียกกันว่า "สกายแลป" อัตรานำเที่ยวรอบเล็ก 150 บาท รอบใหญ่ 250 บาท
โดยสารได้ไม่เกิน 6 คน
• รถสองแถวบริการนำเที่ยวรอบเกาะ ราคาคันละ 500 บาท โดยสารได้ 7-15 คนไม่จำกัดเวลา
• รถมอเตอร์ไซด์เช่า คิดค่าบริการ 1 ชั่วโมง 80 บาท, เหมา 250 บาท, ค้างคืน 300 บาท


ท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยว เกาะสีชัง...สวยน่าไปทุกฤดูกาล